การท่องเที่ยวด้วยการว่ายน้ำกับฉลามวาฬที่ Oslob เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งที่เริ่มมีกิจกรรมนี้ หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆว่าการดำน้ำกับฉลามวาฬนั้นไม่ก่อให้เกิดผลเสีย บางคนพูดด้วยซ้ำว่ามันการอนุรักษ์ ลองมาดูเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่สมควรสนับสนุนกิจกรรมนี้ 1. Contact & interaction นักท่องเที่ยวหลายๆคนไม่ปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการว่ายน้ำกับฉลามวาฬ นอกจากนี้แล้วผู้คนที่ฝ่าฝืนกฎยังไม่ได้รับการลงโทษ ฉลามวาฬเป็นสัตว์คุ้มครองตามข้อบังคับของฟิลิปปินส์ในหัวข้อของการอนุรักษ์และการปกป้องถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตามธรรมชาติ เป็นเรื่องผิดกฎหมายที่คนเราจะไปรบกวนฉลามวาฬ มีการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวว่าปฏิบัติตามกฎหรือไม่ จากการสำรวจทั้งหมด 3,849 นาที โดยเป็นการแบ่งสำรวจครั้งละ 20 นาทีหรือจนกว่าฉลามวาฬจะว่ายออกไป พบว่ามีการสัมผัสฉลามวาฬทั้งหมด 1,823 ครั้ง หรือเฉลี่ยสูงถึง 29 ครั้งต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังพบอีกว่า 89% ของการสัมผัสฉลามวาฬมาจากพนักงานทัวร์หรือคนให้อาหารโดยแตะที่ปากหรือใช้เท้ายันฉลามวาฬเพื่อป้องกันไม่ให้ฉลามวาฬเข้ามาชนเรือ หลายๆครั้งที่คนให้อาหารพยายามผลักฉลามวาฬออกไปเพราะไม่ต้องการให้อาหารจนฉลามวาฬอิ่มเพื่อที่จะได้กลับมาให้อาหารฉลามวาฬอีกครั้งเมื่อมีกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปใหม่มา 2. Behaviour modification & injuries การให้อาหารฉลามวาฬที่ Oslob เป็นการทำให้ฉลามวาฬเข้าใจว่าถ้ามีเรือและมนุษย์แสดงว่ามีอาหารส่งผลให้ฉลามวาฬที่ Oslob ว่ายน้ำเข้าหาเรือ แทนที่จะว่ายหนี เมื่อฉลามว่ายออกสู่ทะเลเปิดที่อนุญาตให้มีการทำประมงมันอาจว่าเข้าหาเรือประมง ซึ่งโดยปกติแล้วฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่ย้ายถิ่นฐานอยู่เรื่อยๆ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะว่ายไปเจอเรือประมงเข้า แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉลามวาฬไม่ควรถูกสัมผัสจากคนหรือเรือ? สัตว์น้ำนั้นโดยปกติแล้วจะไม่เคยได้สัมผัสกับแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่มนุษย์ได้สัมผัส มนุษย์ทุกคนมีแบคทีเรียอยู่ที่ผิวหนัง อาจทำให้ฉลามได้รับเชื้อจากการสัมผัสที่มากเกินไปได้ การสัมผัสหรือในหลายๆครั้งเป็นการเสียดสีทำให้ฉลามวาฬบาดเจ็บได้ แผลจากการเสียดสีมีลักษณะเป็นสีขาวลักษณะคล้ายฟองน้ำเป็นรอยอยู่ใกล้ๆกับบริเวณปาก บางครั้งแผลก็ออกเป็นสีแดง เมื่อมีฉลามวาฬใหม่ๆว่ายเข้ามา พวกมันไม่มีแผลลักษณะนี้อยู่เลย แต่หลังจาก